เสาเข็มเจาะมีกี่ประเภท โดย บจก. ทียูอัมรินทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านฐานราก ติดต่อ 084-642-4635"

เสาเข็มเจาะ ทียูอัมรินทร์, รับเหมาเสาเข็มเจาะ, ฐานราก, ก่อสร้าง"> ทำความรู้จักประเภทเสาเข็มเจาะ โดย บจก. ทียูอัมรินทร์

เจาะลึกประเภท เสาเข็มเจาะ เพื่องานฐานรากที่มั่นคง}

เสาเข็มแบบเจาะ ถือเป็น ส่วนประกอบสำคัญอย่างยิ่งในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่ต้องการความมั่นคงแข็งแรงของฐานราก เสาเข็มเจาะ และลดผลกระทบต่อบริเวณข้างเคียง การตัดสินใจเลือกประเภท เสาเข็มเจาะ ที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้โครงสร้างอาคารสามารถรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน บริษัท ทียูอัมรินทร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านงานเสาเข็มเจาะ พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของ เสาเข็มเจาะ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เพื่อให้ท่านเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา สามารถเข้าใจและเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง

โดยทั่วไป เราจะแบ่งประเภท เสาเข็มเจาะ ตามกรรมวิธีการทำงานหลักๆ ได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เสาเข็มเจาะแบบแห้ง และ เสาเข็มเจาะแบบเปียก ซึ่งแต่ละประเภทก็มีลักษณะ ขั้นตอนการทำงาน และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป

1. เสาเข็มเจาะแบบแห้ง (Dry Process Bored Pile)

การทำเสาเข็มเจาะแบบแห้ง เป็นวิธีการที่ไม่ใช้สารละลายเคมี เช่น เบนโทไนท์ (Bentonite) ในการป้องกันผนังหลุมเจาะระหว่างการทำงาน โดยส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ในพื้นที่ที่ชั้นดินมีความมั่นคงพอสมควร สามารถคงรูปอยู่ได้เองในระหว่างการเจาะ หรือในบริเวณที่ระดับน้ำใต้ดินอยู่ลึก

ลักษณะเด่นและข้อดีของเสาเข็มเจาะระบบแห้ง:

  • ลดผลกระทบด้านแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังรบกวน เมื่อเทียบกับเสาเข็มตอก ทำให้เหมาะสมกับงานก่อสร้างในพื้นที่ชุมชนหรือบริเวณที่มีอาคารข้างเคียงหนาแน่น
  • ขั้นตอนการทำงานค่อนข้างตรงไปตรงมาเท่าระบบเปียก ทำให้สามารถควบคุมระยะเวลาและค่าใช้จ่ายได้ดีในระดับหนึ่ง
  • สามารถตรวจสอบสภาพก้นหลุมเจาะได้โดยตรง (ในบางกรณี) ก่อนการเทคอนกรีต
  • เหมาะสำหรับเสาเข็มที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่ใหญ่มาก (เช่น 35 ซม., 50 ซม., 60 ซม.) และความลึกไม่มากจนเกินไป โดยทั่วไปไม่เกิน 20-25 เมตร ขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดิน

การใช้งาน: มักใช้กับงานอาคารพักอาศัยทั่วไป, อาคารพาณิชย์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง, งานต่อเติม, หรือโครงสร้างที่ไม่ต้องการการรับน้ำหนักสูงมากนัก และสภาพดินเอื้ออำนวย

2. เสาเข็มเจาะระบบเปียก (Wet Process Bored Pile)

การทำเสาเข็มเจาะแบบเปียก เป็นกรรมวิธีที่จะต้องใช้สารละลายพยุงหลุมเจาะ เช่น เบนโทไนท์ (Bentonite Solution) หรือโพลิเมอร์ (Polymer Slurry) ฉีดเข้าไปในหลุมเจาะเพื่อป้องกันดินพังทลายในระหว่างการขุดเจาะ ระบบนี้จึงเหมาะสำหรับการเจาะเสาเข็มขนาดใหญ่และมีความลึกมาก รวมถึงสภาพดินที่มีโอกาสพังทลายสูง เช่น ดินอ่อน ดินปนทราย หรือบริเวณที่มีระดับน้ำใต้ดินสูง

ลักษณะเด่นและข้อดีของเสาเข็มเจาะระบบเปียก:

  • สามารถเจาะเสาเข็มได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ (เช่น 80 ซม., 100 ซม., 120 ซม., 150 ซม. หรือมากกว่า) และมีความลึกได้มาก ตามการออกแบบโดยวิศวกร
  • มีความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงมาก จึงเหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูง หรือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น สะพาน ทางด่วน
  • ช่วยลดปัญหาดินพังทลายเข้าสู่หลุมเจาะ ทำให้ได้เสาเข็มที่มีความสมบูรณ์
  • รองรับการทำงานในสภาพชั้นดินที่หลากหลาย รวมถึงบริเวณที่มีน้ำใต้ดินตื้น

ความเหมาะสมในการใช้งาน: เหมาะสำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่, อาคารสูง, คอนโดมิเนียม, โรงงานอุตสาหกรรม, สะพาน, และโครงสร้างที่ต้องการฐานรากที่มีความมั่นคงสูงและสามารถรับน้ำหนักได้มาก

ถึงแม้ว่ากรรมวิธีเสาเข็มเจาะระบบเปียกจะมีความซับซ้อนและต้องอาศัยความชำนาญในการควบคุมมากกว่าระบบแห้ง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ด้านความสามารถในการรับน้ำหนักและความมั่นคงของฐานรากที่ยอดเยี่ยมสำหรับโครงการขนาดใหญ่

แนวทางการเลือกใช้เสาเข็มเจาะ

การตัดสินใจว่าจะใช้เสาเข็มเจาะระบบแห้งหรือระบบเปียกนั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ อันได้แก่:

  • สภาพชั้นดิน: ความแข็งแรงของดิน และระดับน้ำใต้ดิน
  • ขนาดและน้ำหนักของโครงสร้าง: อาคารสูงหรือโครงสร้างขนาดใหญ่ ย่อมต้องการเสาเข็มที่รับน้ำหนักได้มาก
  • ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความลึกของเสาเข็ม: ตามที่ออกแบบทางวิศวกรรม
  • สภาพแวดล้อมของพื้นที่ก่อสร้าง: ข้อจำกัดเรื่องเสียงและการสั่นสะเทือน, ความกว้างของพื้นที่ทำงาน
  • งบประมาณและระยะเวลาโครงการ: เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา

การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านเสาเข็มเจาะอย่าง บจก. ทียูอัมรินทร์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้การเลือกใช้ประเภทเสาเข็มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโครงการของท่าน

สนใจบริการเสาเข็มเจาะ ไม่ว่าจะเป็นระบบแห้งหรือระบบเปียก หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับงานฐานราก

สามารถติดต่อ บจก. ทียูอัมรินทร์ ทีมงานผู้มีประสบการณ์กว่า 30 ปี

โทร: 084-642-4635

เราพร้อมให้บริการและให้คำปรึกษา เพื่อให้โครงการของท่านแข็งแรงและปลอดภัย